วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561
ใบงานที่5-โครงงานคอมพิวเตอร์
ลำไย
ลำไย ชื่อวิทยาศาสตร์: Dimocarpus longan (มักเขียนผิดเป็น ลำใย) มีชื่อเรียกทางพื้นบ้านภาคเหนือว่า "บ่าลำไย" ชื่อภาษาอังกฤษว่า Longan อยู่ในวงศ์ Sapindaceae เป็นพืชไม้ผลเขตร้อนและกึ่งร้อน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสีน้ำตาล ออกดอกเป็นช่อ สีขาวครีม ผลทรงกลมเป็นช่อ ผลดิบเปลือกสีน้ำตาลอมเขียว ผลสุกสีน้ำตาลล้วน เนื้อลำไยสีขาวหรือชมพูอ่อน เมล็ดสีดำเป็นมัน เนื้อล่อนเม็ด
ประวัติลำไย
ลำไยเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งร้อนของเอเชีย ซึ่งอาจมีถิ่นกำเนิดในอินเดียตะวันออก พม่าตอนเหนือและจีนตอนใต้ แต่ที่พบหลักฐานที่ปรากฏในวรรณคดีของจีนในสมัยพระเจ้าเซ็งแทงของจีนเมื่อ 1,766ปีก่อนคริสกาล และจากหนังสือ RuYa ของจีนเมื่อ 110ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการกล่าวถึงลำไยไว้แล้ว และเมื่อชาวยุโรปได้เดินทางไปยังประเทศจีนเมื่อปีพ.ศ. 1514 ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับลำไยไว้ในปี พ.ศ. 1585 แสดงว่าลำไยมีการปลูกในประเทศจีนที่มณฑลกวางตุ้ง, มณฑลเสฉวน ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลฝูเจี้ยน
ลำไยได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอินเดีย, ศรีลังกา พม่า และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปลายพุทธศตวรรษที่25 ในประเทศไทยทางภาคเหนือมีลำไยพันธุ์พื้นเมืองเรียก "ลำไยกะลา" หรือลำไยธรรมดา ในสมัยรัชกาลที่6 มีชาวจีนนำพันธุ์ลำไยเข้ามาถวายพระราชชายาเจ้าดารารัศมีจำนวน5ต้น (ในปัจจุบันบัญญัติชื่อพันธุ์เบี้ยวเขียว) ทรงให้ปลูกที่เชียงใหม่ 3ต้น โดยปลูกที่สวนเจ้าสบาย ณ ที่ประทับของเจ้าดารารัศมีหลังเสด็จนิวัติกลับมาประทับถาวรเมื่อพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่5 เสด็จสวรรคต และส่งมาปลูกที่ตรอกจันทร์ กรุงเทพฯ 2ต้น หลักฐานที่พบเป็นต้นลำไยในสวนเก่าแก่ของ ร.อ.หลวงราญอริพล (เหรียญ ศัพทเสน) ที่ปลูกในตรอกจันทร์ถนนสาธุประดิษฐ์ใกล้วัดปริวาศในสมัยรัชกาลที่5 ต่อมามีการขยายพันธุ์จากต้นในจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นก็ขยายสู่ภูมิภาคต่างๆในภาคเหนือ โดยการเพาะเมล็ดจนเกิดการกลายพันธุ์ (Mutation) เกิดพันธุ์ใหม่ๆตามสภาพคุณลักษณะที่ดีของภูมิอากาศที่เหมาะสมและเกื้อกูลต่อการเจริญเติบโตของต้นลำไย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดลำพูนมีสภาพภูมิประเทศเป็นดินทราย อยู่ในที่ลุ่มของลำน้ำหลายสาย จนเกิดลำไยต้นหมื่นที่บ้านหนองช้างคืน อำเภอเมืองลำพูน ซึ่งเก็บผลขายต้นเดียวได้ราคาเป็นหมื่น เมื่อปีพ.ศ. 2511 ผลิตผลต่อต้นได้ 40-50เข่ง พัฒนาการของลำไยในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะที่จังหวัดลำพูน ถ้านับจากการเสด็จกลับเมืองเชียงใหม่ครั้งแรกของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีเมื่อปีพ.ศ. 2457 จนถึงลำไยต้นหมื่นที่หนองช้างคืนเมื่อปีพ.ศ. 2511 มีการพัฒนาพันธุ์ร่วม90ปี จนขณะนี้มีลำไยมากมายหลายพันธุ์และมีการปลูกมากถึง157,220ไร่
พันธุ์ลำไย
ลำไยนั้นปลูกในหลายประเทศ แหล่งปลูกขนาดใหญ่คือประเทศจีนมีการปลูกลำไยถึง 26สายพันธุ์ โดยส่วนมากปลูกในมณฑลกวางตุ้ง 12สายพันธุ์ ปลูกในประเทศไต้หวันอีก 15สายพันธุ์ ปลูกในสหรัฐอเมริกา 1สายพันธุ์ คือพันธุ์โคฮาลา และในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีแหล่งปลูกลำไยขนาดใหญ่ไม่แพ้จากประเทศจีน โดยมักมักปลูกในเวียดนามทางตอนเหนือที่มีอากาศหนาวเย็น โดยพันธุ์ลำไยของเวียดนามนั้นนำเข้ามาจากประเทศจีน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ทนได้ในอากาศเย็นจัดจนถึงจุดเยือกแข็ง ซึ่งต่างจากลำไยของประเทศไทยเกิดการกลายพันธุ์เป็นลำไยเมืองร้อน สามารถทนอุณหภูมิสูงได้ถึง40-43องศาในฤดูร้อน
ลำไยไทย
ลำไยในประเทศไทย สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มและแยกเป็นชนิดย่อย เช่น กลุ่มลำไยพันธุ์ดี(ลำไยกะโหลก), กลุ่มลำไยป่า, กลุ่มลำไยพื้นเมือง(ลำไยกระดูก), กลุ่มลำไยเครือหรือลำไยเถา(ลำไยชลบุรี)
- 1. ลำไยกะโหลก เป็นพันธุ์ลำไยที่ให้ผลขนาดใหญ่มีเนื้อหนารสหวาน แบ่งเป็นอีกสายพันธุ์ย่อยอีก คือ
- ลำไยสีชมพู มีผลใหญ่เนื้อหนา, เมล็ดเล็ก, เนื้อมีสีชมพูเรื่อๆ รสดีมากที่สุด
- ลำไยตลับนาค มีผลใหญ่เนื้อหนา, เมล็ดเล็ก, หวานกรอบ, เนื้อแห้ง, เปลือกบาง
- ลำไยเบี้ยวเขียว หรือลำไยอีเขียว ผลใหญ่กลมเบี้ยว เนื้อหนา เมล็ดเล็ก หวานกรอบ เนื้อล่อน
- ลำไยอีแดง สีเปลือกของผลค่อนข้างแดง เป็นพันธุ์ขนาดกลาง กิ่งเปราะหักง่าย ผลกลมใหญ่ เมล็ดใหญ่ รสหวานแบ่งออกเป็น 2ชนิดย่อย คือ
- ลำไยอีแดงเปลือกหนา มีใบป้อมใหญ่ผลใหญ่
- ลำไยอีแดงเปลือกบาง ใบยาวผลเล็กกว่าอีแดงเปลือกหนา
- ลำไยอีดอ ผลขนาดปานกลางมีเมล็ดเล็ก, รสหวาน เป็นลำไยที่มักออกดอกและเก็บผลผลิตก่อนพันธุ์อื่นๆ สามารถทนแล้งได้ดี ชาวสวนนิยมปลูกชนิดนี้มากที่สุด แบ่งเป็น2ชนิดย่อย คือ
- ลำไยอีดอ-ยอดแดง ใบอ่อนมีสีแดง เจริญเติบโตเร็วมากเมื่อเปรียบเทียบกับอีดอยอดเขียว ไม่ค่อยนิยมปลูกเนื่องจากออกดอกติดผลไม่ดี
- ลำไยอีดอ-ยอดเขียว ใบอ่อนเป็นสีเขียว ออกดอกติดผลง่ายแต่อาจไม่สม่ำเสมอ
- ลำไยอีดำ ผลใหญ่ ใบดำ เนื้อหนา เมล็ดเล็ก หวานกรอบ
- ลำไยอีแห้ว เป็นลำไยพันธุ์หนัก ลำต้นไม่ค่อยแข็งแรง เป็นพันธุ์ที่เจริญเติบโตดีมาก ทนแล้งได้ดี แบ่งออกเป็น2ชนิดย่อย คือ
- ลำไยอีแห้ว-ยอดแดง มีใบอ่อนสีแดง เมล็ดมีขนาดปานกลาง
- ลำไยอีแห้ว-ยอดเขียว เมื่อแตกใบอ่อนมียอดสีเขียว ผลกลมใหญ่, หัวเบี้ยว เนื้อกรอบแต่ไม่หวาน
- ลำไยอีเหลือง มีทรงพุ่มค่อนข้างกลม ออกผลดก กิ่งเปราะหักง่ายเมื่อมีผลดก ผลค่อนข้างกลมมีเนื้อสีขาวนวล เมล็ดกลม
- ลำไยพวงทอง เป็นพันธุ์ที่ช่อดอกขนาดใหญ่กว้าง ผลทรงค่อนข้างกลมและเบี้ยวเล็กน้อย ผิวสีน้ำตาลมีกระสีน้ำตาล เนื้อหนา กรอบ สีขาวครีม รสหวาน เมล็ดขนาดปานกลางและแบน ปลูกมากในภาคกลางตอนล่าง เช่น นครปฐม, สมุทรสาคร สันนิฐานว่ากลายพันธุ์จากเมล็ดมาจากลำไยกระโหลกและลำไยอีดอ
- ลำไยเพชรสาครทวาย สามารถออกดอกมากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี มีใบขนาดเล็ก เรียวแหลม ออกดอกและให้ผลผลิตปีละ 2 รุ่น คือรุ่นแรกออกดอกราวเดือนธันวาคม-มกราคม และเก็บผลได้ประมาณเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน, รุ่นที่สองออกดอกราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนธันวาคม-มกราคม ผลกลม เปลือกบาง เนื้อมีสีขาวฉ่ำน้ำ
- ลำไยปู่มาตีนโค้ง มีผลสวย ผลมีขนาดใหญ่สีเขียว ให้ผลดก แต่คุณภาพและรสชาดไม่ดี มีกลิ่นคาว เป็นสายพันธุ์ที่ไม่นิยมปลูกจึงหายากและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์สูง มักพบในสวนลำไยรุ่นเก่าๆ
- 2. ลำไยกระดูก หรือลำไยพื้นเมือง เป็นพันธุ์พื้นเมือง ทรงพุ่มกว้างใบหนาทึบ ผลเล็กมีน้ำมาก เนื้อน้อยไม่หวาน มีน้ำตาลประมาณ 13.75% ขึ้นได้ทั่วไปปลูกง่าย เหลือให้เห็นน้อยเพราะไม่นิยมปลูก เนื่องจากไม่มีราคา มีหลายสายพันธุ์ย่อยแต่มักเรียกรวมกันว่าลำไยพื้นเมือง
- 3. ลำไยกะลา หรือลำไยธรรมดา ผลปานกลาง เนื้อหนากว่าลำไยพันธุ์กระดูก เนื้อกรอบบางมีน้ำมาก ให้ผลดก
- 4. ลำไยสายน้ำผึ้ง ลักษณะคล้ายลำไยธรรมดา แต่เนื้อมีสีเหลืองอ่อน เนื้อมีรสดี หอมกรอบ เมล็ดเล็ก
- 5. ลำไยเถา หรือลำไยเครือ เป็นไม้ต้นรอเลื้อย ลำต้นไม่มีแก่นจึงพันเข้ากับรั้วหรือหลัก ผลเล็ก, เมล็ดโตกว่าลำไยบ้าน, เนื้อหุ้มเมล็ดบางมีเนื้อน้อย รสชาติมีกลิ่นคล้ายกำมะถันจึงนิยมปลูกไว้ประดับมากกว่ารับประทาน นิยมปลูกไว้ประดับมากกว่าปลูกไว้รับประทาน ชอบขึ้นตามป่าเขา
- 6. ลำไยขาว เป็นลำไยพันธุ์โบราณหายาก ในครั้งหนึ่งเชื่อว่าเคยสูญพันธุ์ไปแล้วจากประเทศไทย แต่ในปี พ.ศ. 2554 ได้มีการตามหาและตอนกิ่งขยายพันธุ์อีกครั้งหนึ่ง ผลขนาดเล็กกว่าลำไยทั่วไป เปลือกสีน้ำตาลอ่อนเกือบขาว เนื้อสีขาวใส เมล็ดลีบ รสหวานและยังมีลำอีกอยากหลายชนิดที่ยังไม่ถูกจำแนก เช่น ลำไยใบหยก, ลำไยอีสร้อย, ลำไยตอหลวง, ลำไยเพรชน้ำเอก, ลำไยพวงเพชรบ้านแพ้ว เป็นต้น ฯลฯ
ประโยชน์ของลำไย
เปลือกของต้นมีสีน้ำตาลอ่อนหรือเทาและมีรสฝาดใช้ต้มเป็นยาหม้อแก้ท้องร่วง ลำต้นมีขนาดใหญ่ สูงประมาณ 30-40 ฟุต เนื้อไม้มีสีแดงและแข็งสามารถใช้ทำเครื่องใช้ประดับบ้านได้ เนื้อลำไยกินสดเป็นผลไม้ ทำเป็นอาหารหวาน เช่น ข้าวเหนียวเปียกลำไย วุ้นลำไย ลำไยลอยแก้ว น้ำลำไย หรือแปรรูป เช่น บรรจุกระป๋อง ตากแห้งสามารถทำเป็นชาชงดื่ม เป็นยาบำรุงกำลังช่วยให้หลับสบายเจริญอาหาร แต่ถ้ากินลำไยมากเกินไปจะเกิดอาการร้อนใน แผลในปาก หรือตาแฉะได้ ในตำรายาจีนเรียกกุ้ยหยวน (ภาษาจีนกลาง) หรือ กุ้ยอี้ (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาบำรุงเลือด กล่อมประสาท
คุณค่าทางอาหารของลำไย
กองวิทยาศาสตร์กรมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยได้ทำการวิเคราะห์ส่วนประกอบของลำไยปรากฏผลว่า
- ลำไยสดทั่วไปประกอบด้วยน้ำ81.1%คาร์โบไฮเดรต16.98%โปรตีน0.97%เถ้า0.56%กาก0.28%และไขมัน 0.11%
- ในลำไยสด100กรัมจะมีค่าความร้อน72.8แคลอรีและมีวิตามิน69.2มิลลิกรัมแคลเซียม57มิลลิกรัมฟอสฟอรัส35.17มิลลิกรัมและธาตุเหล็ก0.35มิลลิกรัม
- ลำไยแห้งประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 69.06%น้ำ 21.27%โปรตีน 4.61%เถ้า 3.33%กาก 1.50%และไขมัน 0.171%
- ลำไยแห้ง 100กรัมจะมีค่าความร้อน 296.1แคลอรี แคลเซียม 32.05มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 150.5มิลลิกรัมโซเดียม 4.78มิลลิกรัม เหล็ก 2.85มิลลิกรัม โพแทสเซียม 1390.3มิลลิกรัม กรดแฟนโทซินิค 0.72มิลลิกรัมวิตามินบี 12จำนวน 1.08มิลลิกรัม
ในเมล็ดลำไยมีปริมาณโปรตีนรวม 6.5% ปริมาณไขมันรวม1.94% และปริมาณเยื่อใยรวมเป็น 8.33% ค่าพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้จริงเป็น 3,365 kcal/kg สามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ได้ ในเปลือกหุ้มเมล็ดของลำไยมีปริมาณแทนนินสูง
วิดีโอเกี่ยวกับลำไย
ขอบคุณแหล่งอ้างอิง - https://th.wikipedia.org/wiki/
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ใบงานที่4-พรบคอมพิวเตอร์2560
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าค่ะว่า พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ที่กำลังจะพูดถึงนี้คืออะไร?
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็คือพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ค่ะ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้ค่ะ
ปัจจุบันมีคนใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงสมาร์ตโฟนเป็นจำนวนมาก บางคนก็อาจจะใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ แต่บางคนก็อาจใช้สิ่งนี้ทำร้ายคนอื่นในทางอ้อมด้วยก็ได้
เราอาจจะได้ยินข่าวเรื่องการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ซึ่งบางเหตุการณ์ก็สร้างความเสียหายไม่น้อยเลย เพื่อจัดการกับเรื่องพวกนี้ เลยต้องมีพ.ร.บ.ออกมาควบคุม ในเมื่อการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องใกล้ตัวเรา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเราเช่นกันค่ะ หากเราไม่รู้เอาไว้ เราอาจจะเผลอไปทำผิด โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจก็ได้
กรณีศึกษา: การทำผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
หลังจากมีการประกาศใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 ก็มีเคสที่เข้าข่ายกระทำความผิดพ.ร.บ.ออกมาให้เห็นกันบ้างค่ะ เพื่อสร้างความเข้าใจมากขึ้น เราเลยขอยกตัวอย่างเคสอาจผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาให้อ่านกัน
https://contentshifu.com/wp-content/uploads/2018/04/1_404.jpg |
เคสแรก เป็นเคสที่ออกข่าวอย่างโด่งดังเช่นกัน เป็นกรณีที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งถ่ายรูปตึกที่มีลักษณะเอนๆ พร้อมโพสต์ข้อความประมาณว่า ตึกทรุดตัว ลงบนเฟสบุ๊ค เลยทำให้เกิดเป็นประเด็นที่หลายเอาตกอกตกใจไปกันใหญ่ แต่ต่อมาก็มีการเปิดเผยว่า ตึกที่เห็นนั้นเป็นเพียงดีไซน์ของตึกที่ตั้งใจจะให้เอนแบบนั้นอยู่แล้ว เลยทำให้เจ้าของโพสต์ถูกตำรวจเรียกสอบสวน เพราะเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (2) นำข้อความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จก่อให้เกิดความตื่นตระหนก
https://contentshifu.com/wp-content/uploads/2018/04/Image-20170607104136-768x384.jpeg |
อีกกรณีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็สามารถช่วยคุ้มครองผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตได้ด้วย อย่างเช่นกรณีคดีของคุณบริบูรณ์ เกียงวรางกูล ที่ถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) จากการโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตำรวจเข้าค้นบ้าน โดยอ้างอำนาจตาม มาตรา 44
ซึ่งคุณบริบูรณ์ได้ยื่นหนังสือร้องความเป็นธรรมต่อศาลว่า ปัจจุบันได้มีการใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 แล้ว โดยพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ยกเลิกข้อความใน มาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับเดิม และบัญญัติใหม่ไว้ว่า ห้ามมิให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาใช้ลงโทษกับการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา จึงขอให้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ผลก็คือ อัยการศาลจังหวัดราชบุรีมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีบริบูรณ์ในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
เราก็จะเริ่มเห็นว่า ได้เริ่มมีการใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กันอย่างจริงจัง และมีการปรับใช้ให้ตรงตามพ.ร.บ.ที่แก้ไข ไม่ใช่แค่จับกุมผู้ทำผิด แต่ยังคุ้มครองผู้ที่ไม่มีความผิดในพ.ร.บ.ฉบับที่ 2 แล้ว
8 เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
https://contentshifu.com/wp-content/uploads/2018/05/privacy-hacking.jpg |
หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต (ละเมิด Privacy) หรือในเคสที่เรารู้จักกันดีก็คือ การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง หรือพวกแฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นก็มีความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ค่ะ
บทลงโทษ
- เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย: จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิดค่ะ
บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Shifu แนะนำ
แต่ถ้าเป็นกรณีกระทำต่อระบบหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตร 12 หรือเข้าถึงระบบ ข้อมูลด้านความมั่นคงโดยมิชอบ จะต้องได้รับโทษจำคุก 3-15 ปี และปรับ 6 หมื่น – 3 แสนบาท และถ้าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 2 แสนบาท และถ้าเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ต้องจำคุก 5-20 ปี และปรับ 1-2 แสนบาท
3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
https://contentshifu.com/wp-content/uploads/2018/04/spam-2.jpg |
ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเองค่ะ
บทลงโทษ
ถ้าส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และถ้าส่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธตอบรับได้โดยงาน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Shifu แนะนำ
การทำการตลาดออนไลน์ที่ดี ควรนึกถึงจิตใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญค่ะ หากอยากส่งอีเมล ก็ควรที่จะถามความยินยอมจากลูกค้าก่อนว่าเขาต้องการรับข่าวสารจากเราไหม หรือไม่ก็หันมาทำคอนเทนต์ดีๆ อย่าง Inbound Marketing ที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาคุณได้ด้วยความเต็มใจค่ะ
หรือหากอยากทราบเทคนิคการขายบนโลกออนไลน์ที่แตกต่างและได้ผล ลองดูบทความทิ้งเทคนิคการขายแบบเดิมๆ เริ่มต้นวิธีใหม่ๆ และทำกำไร 1 ล้านใน 24 ชั่วโมง
4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก และล่วงรู้ถึงมาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย
บทลงโทษ
- กรณีไม่เกิดความเสียหาย: จำคุก 1-7 ปี และปรับ 2 หมื่น – 1.4 แสนบาท
- กรณีเกิดความเสียหาย: จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท
- กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: จำคุก 5-20 ปี และปรับ 1 แสน – 4 แสนบาท
5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 12 ต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
https://contentshifu.com/wp-content/uploads/2018/04/Facebook-Spot-Fales-News-Tips-1-4-758x434.jpg |
ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ข้อความผิดด้วยกันคือ
- โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง (อย่างเช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริงๆ เป็นต้น)
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย
- โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้
- เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด (อย่างเช่น กด Share ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็มีความผิดค่ะ )
บทลงโทษ
หากเป็นการกระทำที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อบุคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (แต่ในกรณีอย่างหลังนี้สามารถยอมความกันได้)7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิดค่ะ แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด
บทลงโทษ
แต่ถ้าไม่ยอมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตร 14 ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันผู้โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แต่ถ้าผู้ดูแลระบบพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งเตือนแล้วไม่ต้องรับโทษ
Shifu แนะนำ
ผู้ให้บริการมีหน้าที่เก็บข้อมูลการใช้งานไม่น้อยกว่า 90 วัน ในกรณีที่จำเป็น ศาลอาจสั่งให้เก็บข้อมูลเพิ่มได้ไม่เกิน 2 ปี
8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักคือ
• การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
• การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
บทลงโทษ
หากทำผิดตามนี้ ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท
สรุป
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือฉบับที่ 2 ปัจจุบันมีผลบังคับใช้แล้ว ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่คลุกคลีกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์เน็ต ก็ควรจะรู้เกี่ยวกับพ.ร.บ.นี้ไว้ค่ะ เพราะเราจะได้ไม่เผลอไปทำความผิด อย่างน้อยๆ ต้องระวัง 8 ประเด็นที่เราได้เขียนเอาไว้เลยค่ะ อีกทั้งการมีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นการควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์ในระดับหนึ่ง และในทางหนึ่งก็ช่วยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้งานด้วย
วิดีโอเกี่ยวกับพรบคอมพิวเตอร์
ขอบคุณแหล่งข่าว - https://contentshifu.com/computer-law/
ใบงานที่3-weblogคืออะไร
WEBLOG คืออะไร
Weblog หรือ Blog คือเวบไซค็ทีให้พื้นที่ส่วนตัวแก่ผู้ใช้บริการ โดยมีฟั่งชั่นต่างต่างให้เลือกใช้งาน เช่นพื้นที่สำหรับเขียนประวัติ ไดอารี่ กล่องบทความ อัลบั้มรูป เวบบอร์ด สามารถโพสบทความหรือเรื่องราวของสินค้า กิจกรรมที่บริษัทดำเนินการ ปรับแต่งหน้าตาได้เหมือนเวบไซค์ สามารถจดทะเบียนเป็นชื่อเจ้าของได้ เชื่อมต่อ social network เช่น facebook ,Tweeter ,Goolgle โพสคลิบวีดีโอ หรือ ทำเป็นอัลบั้มรูปถ่ายสินค้าส่วนตัว
ทีสำคัญ blog สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ง่าย ข้อมูลจะสามารถเก็บไว้ได้ตลอด สามารถเก็บไว้ดูเองหรือจะเปิดให้ผู้อืนเข้ามาดูได้ หรือใช้ในรูปสมาชิกก็ได้ ปัจจุบันนิยมใช้ Blog เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าวสารให้กับลูกค้า เช่น ถ้าเราทำร้านค้าออนไลท์ จะพบว่าการที่ใครจะเข้ามาซื้อของเราไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการแข่งขันสูง ความเชื่อมั่นในตัวสินค้า ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้างBlog ขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้า อธิบายรายละเอียด ให้ความรู้เกี่ยวกับคำแนะนำสินค้า เรานำ Blog เข้ามาจัดการ เนื่องจาก Web Blog สามารถ up date ได้ง่าย และมีการให้ข่าวสาร หรือเรื่องที่ใกล้เคียงสินค้า เพื่อแนะนำให้คนเข้ามายังเวบไซค์ร้านค้าออนไลน์ ด้วยการเชื่อม Blog กับเวบไซค็หลักของเรา
บล็อก (Blog) หรือ เว็บบล็อก (Weblog) เป็นเว็บไซต์สำหรับเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวประจำวันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร ในเรื่องที่ผู้เขียนท่านหนึ่งๆ (Blogger) สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด และเนื่องจากความจริงใจและอิสระทางความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน ลักษณะของบุคคลที่หนึ่ง เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผู้เขียนได้เป็นอย่างดีทีเดียว จึงทำให้บล็อคเป็นสื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในนานาประเทศ
บล็อกแต่ละบล็อกจะมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น บล็อกที่เกี่ยวกับการจัดการความรู้ บล็อกด้านการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย บล็อกด้านการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ส เป็นต้น การสร้างจุดยืนของบล็อกเช่นนี้ และมีการเขียนที่เป็นประจำสม่ำเสมอ จะทำให้บล็อกเป็นที่น่าสนใจติดตามจากผู้อ่านมากมาย
วิธีการสมัคร Blogger.com
เข้า http://www.blogger.com
ถ้าคุณเคยสมัครอะไรของ google ไว้แล้ว เช่น เคยสมัครเมล์ gmail ก็สามารถใช้ รหัส gmail login ในช่อง ลงชื่อเข้าใช้งานได้เลย หรือถ้าไม่เคยสมัครอะไร หรืออยากจะสมัครใหม่ ก็ คลิกคลิกที่ลูกศรสีส้ม สร้างบล็อคของคุณทันที
ที่อยู่อีเมล ใส่เมล์ของเรา เมล์อะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น gmail ครับ ก็ประมาณว่า เมล์ที่เราใช้อยู่นั่นแหละครับ
ใส่เมล์นั้นอีกครั้ง
กำหนดรหัสผ่าน ตั้งขึ้นมาเลย ไม่ใช่รหัสเมล์นะครับ เป็นรหัสที่เราตั้งขึ้นเพื่อสมัคร blogger ครับ
ชื่อที่แสดง ก็อย่างที่ในเว็บบอกครับ คือ คือนี่จะแสดงว่าเราเราโพสข้อความอะไรใน blog ของเรา หรือเขียนคอมเม้น แสดงความคิดเห็น blog ของคนอื่น
รหัสยืนยัน ใส่รหัสสุ่มตามภาพที่ขึ้นมา
ทำเครื่องหมายช่องสี่เหลี่ยม ยอมรับข้อตกลง จากนั้นคลิก ดำเนินการต่อ
กำหนดรหัสผ่าน ตั้งขึ้นมาเลย ไม่ใช่รหัสเมล์นะครับ เป็นรหัสที่เราตั้งขึ้นเพื่อสมัคร blogger ครับ
ชื่อที่แสดง ก็อย่างที่ในเว็บบอกครับ คือ คือนี่จะแสดงว่าเราเราโพสข้อความอะไรใน blog ของเรา หรือเขียนคอมเม้น แสดงความคิดเห็น blog ของคนอื่น
รหัสยืนยัน ใส่รหัสสุ่มตามภาพที่ขึ้นมา
ทำเครื่องหมายช่องสี่เหลี่ยม ยอมรับข้อตกลง จากนั้นคลิก ดำเนินการต่อ
จากข้างบนเป็นรูปแบบเก่า ของ blogger นะครับ สรุปคือ เราสมัครเข้าบัญชี blogger จากนี้ มาดูรูปแบบใหม่ ในการเขียน blogger
ตั้งชื่อเว็บบล็อกเลย ชื่อจะปรากฏที่บนสุดของ blog เช่น ดังภาพ
ที่อยู่บล็อก ก็คือ ชื่อที่อยู่ url ของ blog นั่นเองครับ ตัวอย่างชื่อ blog
ถ้าขึ้น ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ ก็สามารถใช้ชื่อนี้ได้ครับ
*** ทั้งชื่อเว็บบล็อก และที่อยู่ บล็อก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลังครับ
และ 1 user ที่ใช้ login blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ครับ
ถ้าอยากสร้างอีก ก็สมัคร account blogger ใหม่ เพิ่มอีกครับ ***
เสร็จแล้วก็เลือกรูปแบบ แล้วคลิก สร้างบล็อกครับ เลือกได้เลยครับ
ชอบแบบไหนก็เลือกไปก่อน สามารถ เปลี่ยนแปลงภายหลังได้
พอคลิกแล้ว ระบบจะขึ้น ดังนี้ ...ผมตั้งชื่อว่า "ทดสอบสร้าง blog" นะครับ ชื่อ blog ก็เลยเป็นตามภาพ ให้คลิกที่ชื่อ blog ที่คุณตั้งขึ้นมาได้เลยครับ... เพื่อเข้าไปดูเมนูต่างๆก่อน
...สำหรับเมนูซ้ายมือ ที่อยากจะเน้นคือ เมนูหน้าเว็บ รูปแบบ แม่แบบ การตั้งค่า
ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ blog ของ blogger ก่อนครับ
ก่อนเขียน blog เราต้องทำความเข้าใจและวางแผนก่อนครับ
.. blog เราสามารถ เขียนข้อความต่างๆ แทรกภาพ หรือนำเสนอต่างๆได้ ...
การเขียน blog ที่ blogger
- ข้อความล่าสุด จะอยู่ที่หน้า blog
- ข้อความต่างๆที่เขียนไป จะเป็นหัวข้อ รวมอยู่ในคลังบทความของบล็อก
ให้คลิกเข้าดูที่
ซึ่งคำว่า "คลังบทความของบล็อก" ตัวอย่าง blog เที่ยววังน้ำเขียว http://wang-namkeaw.blogspot.com ผมแก้คำว่า คลังบทความของบล็อก เป็น "รายละเอียด การท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว" ซึ่งวิธีแก้ พอเข้าที่รูปแบบ แล้ว คลิกแก้ไข ช่องคลังบทความของบล็อก...แล้วก็แก้ไขตามแต่จะกำหนดหัวข้อรวมหลัก ของบทความต่างๆที่เราจะนำเสนอใน blog ครับ สำหรับเมนูอื่นๆก็ลองตั้งค่าแล้วโหลดดู blog ดู ว่าจะออกมาแบบไหน ถูกใจหรือป่าวนะครับ
สำหรับรูปแบบของ blog เที่ยววังน้ำเขียว ทำไมไม่มีใน แม่แบบ ของ blogger จะอธิบายอีกทีครับ ...เกี่ยวกับคลังของบทความ เราควรวางแผนแล้วว่า บทความหรือข้อความต่างๆที่เราจะเขียน blog จะเรียงลงมา เมื่อมีผู้เข้าเยี่ยมชม blog ของเรา ผู้เยี่ยมก็จะเห็นหัวข้อเหล่านั้น และเลือกที่จะคลิกอ่านได้ เป็นผลดีในการนำเสนอ
- สำหรับบทความต่างๆ หรือข้อความต่างๆที่เราจะนำเสนอใน blog ข้อความล่าสุดจะอยู่หน้าแรกครับ หน้าแรกของ blog ควรจะเป็นเหมือนหน้ารับแขก ซึ่งออกแบบ เพื่อดึงดูดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สนใจ และอ่าน blog ..แล้วจะทำงัยล่ะ ? เมื่อข้อความต่างๆที่เรา เขียนไป เป็นหัวข้อต่างๆ ข้อความล่าสุดจะอยู่หน้าแรก ถ้าเราออกแบบ หน้าที่ดึงดูดความสนใจ ไว้เป็นหน้าแรกแล้ว ถ้าเรามีข้อความมาเขียน หรือ นำเสนออีก จะทำงัย ให้หน้าที่เราออกแบบไว้ อยู่หน้าแรก
...วิธีการง่ายๆก็คือ แต่ละบทความที่เราเขียนไป สามารถแก้ไขได้ เราเข้าไปแก้ไขบทความนั้น แก้ไขตรงวันที่ หรือจะแก้ไขเวลาด้วยก็ได้ ให้เป็นวันที่ล่าสุด เพื่อให้บทความนั้นยังอยู่หน้าแรกนั่นเอง ...อยู่ล่างๆ นะครับ คลิกที่ตัวเลือกของบทความ แล้วจะมีให้แก้ไขได้
..ทำความเข้าใจ การโพส หรือการเขียนข้อความ
...พอเขียนบทความต่างๆเสร็จ (เมนูต่างๆ สีตัวอักษร ลิ้งค์ แทรกรูปภาพ ลองหัดเล่น หัดเขียนดูนะครับ)
พอเขียนตกแต่งบทความต่างๆเสร็จ ก็คลิก เผยแพร่ ได้เลย ...แต่ถ้ายังไม่อยากให้บทความขึ้นที่หน้า blog ก็คลิก บันทึก ไว้ก่อนได้ครับ เผื่อว่ายังเขียนบทความไม่เสร็จ
แล้วพอเขียนเสร็จ ก้ค่อยคลิกเผยแพร่ครับ
ในเมนู นี้ มีอะไรให้ออกแบบเยอะ เป็นองค์ประกอบของ blog ครับ ซึ่งแต่ละป้ายเมนู สามารถลบได้ หรือเพิ่มได้ครับ
การลบก็คลิกเข้าป้ายเมนูนั้นๆ แล้วจะมีคำว่าลบ ให้เลือกลบครับ ...สำหรับการเพิ่ม ให้คลิกที่
เพิ่ม Gadget ก็จะมีป้าย Gadget มาให้เลือก + เพิ่มเข้ามาใน blog เพื่อนำมาเป็นรูปแบบในการช่วยตกแต่งครับ
ที่ป้าย Gadget ต่างๆ เรายังสามารถย้ายที่จัดเรียงได้ด้วยนะครับ คลิกที่ป้ายที่ต้องการย้ายแล้วลากเลยครับ จะไว้ตรงไหนก็วาง
...สำหรับ Favicon ก็สามารถเปลี่ยนได้ จะเป็นส่วนของหัว blog ซึ่งการเปลี่ยน จะต้องนำรูปขนาดกว้างยาวเท่ากัน(สี่เหลี่ยมจัตุรัส) และมีขนาดไม่เกิน 100KB นะครับ
ตัวอย่าง Favicon ที่เปลี่ยน แล้วกับที่ ยังไม่เปลี่ยนนะครับ ...สำหรับการเปลี่ยน Favicon แรกๆบาวเซอร์ท่องเว็บที่เราใช้ จะยังจำอันเดิมอยู่นะครับ บางทีเราเปลี่ยนแล้วแต่ดู blog ยังไม่เปลี่ยน ไม่ต้องตกใจว่าทำไม่ได้ ลองไปดูคอมเครื่องอื่น ก็จะเป็น Favicon ใหม่ที่เราเปลี่ยนครับ หรือไม่ก็เปิดบาวเซอร์ใหม่ เช่นว่า ใช้ Mozilla Firefox เปิดดู blog ก็ลองใช้ Google Chrome เปิดดูแทน จะเห็นว่า Favicon ก็จะเปลี่ยนครับ
...คราวนี้มาดู เมนู หน้าเว็บ ...หน้าเว็บช่วยให้เราออกแบบหน้าต่างๆแยกต่างหากจากบทความได้ครับ
การเขียนหน้าเว็บ ก็คลิกเข้าคำว่า แก้ไข ก็สามารถเข้าไปเขียนตกแต่งได้ครับ
http://pang-oung.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ 1 หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยู่ด้านบนสุด
... คือ ปางอุ๋ง สวรรค์ นักเดินทาง ชัดๆ HD สำหรับลิ้งค์คือ http://pang-oung.blogspot.com/p/hd.html
http://siamtulip-festival.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยู่ด้านข้าง
http://talamok-phutok.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้ไม่แสดง ???
งงมั้ยครับ ไม่แสดง แล้วจะเขียนทำไม!!! คือพอให้มันแสดงแล้วรูปแบบมันออกมาไม่สวยครับ มันไม่เข้ากับรูปแบบ แม่แบบ(template) ของ blog
...แล้วพอไม่ให้แสดง แล้วจะเอามาทำลิ้งค์ให้คนเข้าอ่านได้ยังงัย
ในเมนู ผมเพิ่ม Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ (ภาษาอังกฤษคือ Blogroll)
แล้วก็เอาลิ้งค์ต่างๆ ของ หน้าเว็บ มาใส่ที่ Gadget รายชื่อลิ้งค์
...วิธีดูว่าแต่ละ หน้าเว็บ ลิ้งค์อะไร ก็แค่เอาเม้าส์ชี้ที่หัวข้อ หน้าเว็บนั้นๆ เราก็จะเห็นครับ ก็คลิกเม้าส์ขวา แล้ว Copy Link
...วิธีดูว่าแต่ละ หน้าเว็บ ลิ้งค์อะไร ก็แค่เอาเม้าส์ชี้ที่หัวข้อ หน้าเว็บนั้นๆ เราก็จะเห็นครับ ก็คลิกเม้าส์ขวา แล้ว Copy Link
...พอเราเพิ่มลิ้งค์แล้ว เขียนอธิบายหัวข้อลิ้งค์แล้ว ...ที่ลูกศรขึ้นลงเราสามารถคลิกสลับจัดตำแหน่งได้ด้วยนะครับ
...เอาล่ะครับ เทคนิคเต็มไปหมดเลย อย่า งง นะครับ ลองทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่ลอง ไม่หัดก็ทำไม่ได้ครับ
...มาถึงที่ติดค้างไว้ คือรูปแบบ แม่แบบ(template) ของเว็บ เที่ยววังน้ำเขียวหรือเว็บตัวอย่างต่างๆข้างต้น ทำไมไม่มีใน แม่แบบของ blogger
การใส่แม่แบบนอกเหนือจากแม่แบบที่มี ใน blogger ทำดังนี้
เข้าไปที่ http://btemplates.com/ จะมีรูปแบบต่างๆให้เลือก ดาวน์โหลด
ไฟล์ที่โหลดมา จะเป็นไฟล์ .zip ให้เรา แตกไฟล์ .zip ออกมา จะได้เป็นไฟล์ .xml
..เราจะเอาไฟล์ .xml เข้า blog ได้อย่างไร ?
...มาที่เมนู แม่แบบ แล้วมาที่ สำรอง/กู้คืน ที่มุมบนขวา
เลือกไฟล์แม่แบบ .xml ที่เรามีในเครื่อง (ที่เราไปโหลดมา) แล้วคลิก อัปโหลด เพื่อ โหลดไฟล์ xml เข้าไปใน blog เราก็จะได้รูปแบบสวยๆมาใช้แล้วครับ
...มาดูเมนูการตั้งค่า ซะหน่อย
บางคนสงสัยครับว่า blog ที่เขียน บทความต่างๆ ยาวลงมามาก ไม่รู้จะทำงัย มาที่ เมนูการตั้งค่า โพสต์และความคิดเห็น
กำหนดได้เลยครับ จะให้บทความแสดงสูงสุดในหน้าแรกได้กี่บทความ
เวลามาดูบทความย้อนหลัง เราจะได้รู้ว่าเราเขียนบทความนี้ วันไหน เวลาไหนนะครับ นอกนั้นก็แล้วแต่ชอบครับ ลองตั้งดู
...สำหรับหัวข้ออื่นๆที่ไม่ได้อธิบาย ลองเข้าไปลองตั้ง ลองทำ เดี๋ยวก็ทำได้ครับ
...สำหรับการลบ blog จะอยู่ที่ การตั้งค่า > อื่นๆ ครับ (เผื่อทำแล้ว อยากลบ ...ซะงั้น)
...ชื่อ blog สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ด้วยนะครับ
การเผยแพร่ ...มีประโยชน์กรณีที่เรา ไม่พอใจชื่อ blog ที่ใช้อยู่ ครับ เราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนชื่อได้ครับ
หรือเราจะตั้งค่าชื่อ blog ของเรา ให้เปลี่ยนจาก ชื่อ.blogspot.com เป็น ชื่อที่เราจดโดเมนมา.com ก็ได้
โดยดูตามขั้นตอนนี้ครับ http://blog.makemoney-school.com/?p=312
1 user สามารถเขียน blog ได้ 100 blog
(ข้อมูลนานแล้วนะครับ แต่ล่าสุดก็น่าจะยังใช่อยู่ ถ้าเรายังสามารถคลิก เปิด บล็อกใหม่ได้เรื่อยๆครับ)
คลิกที่ บล็อกของฉันก็จะมีรายชื่อบล็อกต่างๆ ที่เราสร้างไว้
...ถ้าเราจะสร้างเพิ่ม ก็คลิกที่ บล็อกใหม่ครับ
user ของ blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ถ้าเราอยากสร้างมากกว่านั้น เราก็สมัคร blogger เพิ่มใหม่อีก User ครับ
วิธีใส่ vdo youtube ในบล็อกของเราทำยังไง ?
1. เราต้องเข้า www.youtube.com ก่อน
2. เราหาชื่อเรื่องที่เราต้องการ ตัวอย่างเช่น เรื่อง goong
3. คลุมดำในส่วนของ code ที่จะใส่ในบล็อกอยู่ที่ Embed แล้วก็อปปี้ code ตรงนั้น(สังเกตดูดีๆ)
4. เข้าไปที่สร้างเรื่องในบล็อกของเราแล้วก้อเขียนเรื่องที่อยากจะทำ
5.เขียนเรื่องเสร็จแล้วไปที่โหมด HTML แล้วให้วาง Code ไปที่ที่เราทำสัญลักษณ์ไว้ เช่น ** เป็นต้น
6.พอวาง Code เสร็จแล้วก้อจะเห็น code ที่เราวางไว้ที่เราทับสัญลักษณ์เอาไว้
7. แค่นี้ก้อได้ VDO CLIP ที่เราต้องการแล้ว
เลิกแสดงภาพแบบวางซ้อน
โดยค่าเริ่มต้น รูปภาพในบล็อกจะเปิดแบบวางซ้อนที่เรียกว่า Lightbox ป้องกันไม่ให้ภาพเปิดใน Lightbox ได้ดังนี้
- ลงชื่อเข้าใช้ Blogger
- เลือกบล็อกที่จะอัปเดต
- เลือกการตั้งค่า โพสต์ ความคิดเห็น และการแชร์ โพสต์ในเมนูด้านซ้าย
- ใน "แสดงภาพด้วย Lightbox” ให้เลือกไม่
หมายเหตุ: หากเปิดมุมมองแบบไดนามิกไว้ คุณจะเปิดรูปภาพในบล็อกได้ก็ต่อเมื่อปิดมุมมองนี้
ใส่วิดีโอลงในบล็อก
- ลงชื่อเข้าใช้ Blogger
- เลือกบล็อกที่จะอัปเดต
- สร้างโพสต์ใหม่หรือแก้ไขโพสต์เพื่อใส่วิดีโอ
- ในตัวแก้ไขโพสต์ ให้คลิกแทรกวิดีโอ
- เลือกวิดีโอที่ต้องการใช้
- คลิกอัปโหลด
คลิปการทำบล็อก
คลิปการเอาเพลงใส่ในบล็อก
ขอบคุณแหล่งอ้างอิง
http://www.makemoney-school.com/how_blogger_signup.html
http://oknation.nationtv.tv/blog/nozzila/2008/01/09/entry-1
https://support.google.com/blogger/answer/41641?hl=th
http://blog2505.blogspot.com/2012/06/web-blog.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Work1 from petchompu
-
WEBLOG คืออะไร Weblog หรือ Blog คือเวบไซค็ทีให้พื้นที่ส่วนตัวแก่ผู้ใช้บริการ โดยมีฟั่งชั่นต่างต่างให้เลือกใช้งาน เช่นพื้นที่สำหร...
-
Work1 from petchompu
-
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าค่ะว่า พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ที่กำลังจะพูดถึงนี้คืออะไร? พ.ร.บ.คอ...